เปล้าน้อย

ลักษณะของเปล้าน้อย

  • ต้นเปล้าน้อย จัดเป็นไม้พุ่มหรือไม้ยืนต้น เป็นไม้ผลัดใบ มีความสูงของต้นประมาณ 1-4 เมตร แตกกิ่งก้านตั้งแต่โคนต้น ที่เปลือกลำต้นมีสีน้ำตาลปนเทา ผิวค่อนข้างเรียบ และจะนิยมขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อหรือรากไหลเนื่องจากจะได้พันธุ์แท้ แต่ถ้าเพาะจากเมล็ดอาจจะกลายพันธุ์ได้ สามารถพบได้ตามป่าเบญจพรรณ โดยจะเจริญเติบโตได้ดีในเขตร้อน ในพื้นดินร่วนปนทรายที่ระบายน้ำได้ดี เช่น ในจังหวัดปราจีนบุรี นครพนม กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เป็นต้น

ต้นเปล้าน้อย

  • ใบเปล้าน้อย ใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับกัน ลักษณะของใบเป็นรูปใบหอกรียาว มีความยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร และกว้างประมาณ 4-6 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบเรียว แผ่นใบเรียบเป็นมันสีเขียวเข้ม เมื่อใบแก่จะเปลี่ยนเป็นสีส้ม ส่วนขอบใบเป็นจักคล้ายซี่ฟัน

ใบเปล้าน้อย

  • ดอกเปล้าน้อย ออกดอกเป็นช่อ ช่อดอกมีขนาดเล็ก โดยจะออกบริเวณซอกใบใกล้ปลายกิ่ง ดอกย่อยมีขนาดเล็ก เป็นแบบแยกเพศแต่อยู่ในช่อเดียวกัน กลีบดอกเป็นเส้นเมื่อบานแล้วจะโค้งไปด้านหลัง โดยกลีบดอกมีประมาณ 10-15 กลีบ มีสีขาวนวล

ดอกเปล้าน้อย

  • ผลเปล้าน้อย ลักษณะของผลเป็นรูปทรงค่อนข้างกลม เปลือกผลเมื่อแห้งมีสีน้ำตาลและแตกได้ง่าย โดยผลจะแบ่งออกเป็นพู 3 พู มีรอยกลีบเลี้ยงติดอยู่ที่ก้นผล ในแต่ละพูจะมีเมล็ดอยู่ 1 เมล็ด เมล็ดมีสีน้ำตาลผิวเรียบ มีลายเส้นตามแนวยาวสีขาวหนึ่งเส้น มีขนาดกว้างประมาณ 2-3 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 3-4 มิลลิเมตร โดยผลจะพัฒนาจนแก่จัดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์จนถึงเดือนมีนาคม

ผลเปล้าน้อย

สรรพคุณของเปล้าน้อย

  1. ช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย (ใบ, เปลือก)
  2. ช่วยแก้เลือดร้อน (เปลือกและกระพี้)
  3. ช่วยรักษาอาการไอ (ใบ, แก่น, ดอก, เปลือก)
  4. ช่วยแก้อาการไอเป็นเลือด (ใบ, ราก)
  5. ช่วยขับเสมหะ (ใบ, แก่น, ดอก, เปลือก)
  6. ช่วยกระจายลม (แก่น)
  7. รากมีรสร้อน ช่วยแก้ลมขึ้นเบื้องบนให้หายเป็นปกติ (ราก)
  8. เปลือกต้นมีรสร้อน ช่วยในการย่อยอาหาร (เปลือกต้น, กระพี้)
  9. ช่วยรักษาโรคท้องเสีย (เปลือกและใบ)
  10. รากใช้ต้มกับน้ำดื่มขณะอุ่น ช่วยแก้โรคกระเพาะอาหาร (ราก, ใบ)
  11. ใบใช้เป็นยารักษาแผลในกระเพาะอาหารและในลำไส้ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากมีสาร “เปลาโนทอล” (Plaunotol) ที่มีฤทธิ์ลดปริมาณการหลั่งของกรดในกระเพาะให้น้อยลง และทำให้ระบบป้องกันการดูดซับกรดของเนื้อเยื่อบุกระเพาะที่ถูกทำลายจากสารบางชนิดให้กลับคืนปกติ อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อบุในลำไส้ที่เสียไป ทำให้แผลหายเร็วยิ่งขึ้นขึ้น และมีฤทธิ์ช่วยสมานแผลในกระเพาะอาหารและในลำไส้ได้เป็นอย่างดี โดยสารชนิดนี้ควรใช้ครั้งละ 80 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์ จะทำให้อาการดีขึ้นถึง 80-90% แต่อาจมีอาการข้างเคียงบ้าง แต่ก็น้อยรายนัก และมีความเป็นพิษต่ำ คือ อาจมีอาการท้องเสีย ท้องร่วง แน่นท้อง ท้องผูก มีผื่นขึ้น เป็นต้น โดยสาร Plaunotol จะถูกดูดซึมจากทางเดินอาหารได้ดี แต่ส่วนใหญ่จะถูก Oxidise ในตับ และจะถูกขับออกมาทางปัสสาวะและทางอุจจาระ ซึ่งผลจากการทดสอบฤทธิ์ของเปลาโทนอลในคนไข้โรคกระเพาะที่มีแผลในกระเพาะอาหาร (ผลขนาดไม่เกิน 1 เซนติเมตร) ได้ผลว่า คนไข้จำนวน 8 ใน 10 คน หลังได้รับยาเปลาโนทอลเข้าไป แผลในกระเพาะอาหารจะหายสนิทภายในระยะเวลา 6 สัปดาห์ (ใบ)
  12. ช่วยขับผายลม (ราก)
  13. เปล้าน้อยใช้เป็นยาขับพยาธิ ฆ่าพยาธิ (ดอก) ช่วยแก้พยาธิต่าง ๆ (ใบ, ราก)
  14. ช่วยขับไส้เดือน (แก่น)
  15. ช่วยแก้ริดสีดวงทวาร (ใบ, ราก)
  16. ช่วยบำรุงโลหิตประจำเดือนของสตรี (ใบ, เปลือกและใบ)[1],[2],[3]
  17. ลูกใช้ดองสุรากินเป็นยาขับโลหิตระดูในเรือนไฟ (เข้าใจว่าเป็นผล)[3]
  18. ช่วยขับโลหิต (แก่น)[1],[2]
  19. ช่วยรักษาแผล สมานแผล (ใบ, แก่น, ดอก, เปลือก)
  20. ช่วยแก้โรคน้ำเหลืองเสีย (ผล)
  21. ผลมีรสร้อน ใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาขับหนองให้กระจาย (ผล)
  22. ช่วยขับเลือดหนองให้ตก (แก่น)
  23. ช่วยแก้อาการคันตามตัว (ใบ, ราก)
  24. ช่วยรักษาโรคผิวหนัง กลาก เกลื้อน (ใบ, ราก, เปลือกและใบ)
  25. ช่วยรักษามะเร็งเพลิง (ใบ, ราก)
  26. แก่นมีรสร้อน ช่วยแก้อาการช้ำใน (แก่น)

หมายเหตุ : สารเปลาโนทอลมีอยู่เกือบทุกส่วนของต้นเปล้าน้อย แต่มีปริมาณมากน้อยแตกต่างกันออกไป โดยส่วนที่มีสารเปลาโนทอลสูงสุดคือส่วนของใบที่อยู่บริเวณปลายช่อที่ได้รับแสงแดด และใบที่แก่จะมีสารเปลาโนทอลน้อยกว่าใบอ่อน ดังนั้น ถ้าจะเก็บมาใช้เองก็ควรเด็ดเอาเฉพาะใบอ่อนที่อยู่ปลายยอดในช่วงความยาวประมาณ 5-6 นิ้วเท่านั้น และไม่ต้องเอาก้าน

สมุนไพรเปล้าน้อย

ประโยชน์ของเปล้าน้อย

  • Plaunotolใบเปล้าน้อยสามารถใช้รับประทานเป็นอาหารได้ ด้วยการรับประทานร่วมกับน้ำพริก หรือจะใช้ใบสดนำมาชงเป็นชาสมุนไพรดื่มก็ได้เช่นกัน แต่ยังมีข้อจำกัดก็คือ ใบเปล้าน้อยมีรสขมมาก อีกทั้งปริมาณของสารเปลาโนทอลก็มีอยู่ค่อนข้างต่ำ จึงใช้รับประทานครั้งละมาก ๆ ไม่ได้ และไม่เพียงพอต่อการรักษาอาการเจ็บป่วยที่รุนแรงหรือเฉียบพลันเหมือนกับการใช้ยาเปลาโนทอลแบบสำเร็จรูป แต่ทั้งนี้สามารถใช้รับประทานเพื่อเป็นการรักษาสุขภาพระยะยาวได้ เนื่องจากจะช่วยลดโอกาสการเจ็บป่วยแบบเรื้อรัง ลดอาการกำเริบของโรค ทำให้มีสุขภาพดีขึ้น
  • สมุนไพรเปล้าน้อย ใบและรากสามารถนำมาทำเป็นยาปฏิชีวนะได้ โดยใบเปล้าน้อยสามารถนำไปสกัดเป็นยา “เปลาโนทอล” (Plaunotol) หรือยารักษาโรคกระเพาะ โดยจะเริ่มเก็บใบได้เมื่อต้นมีอายุ 2 ปีขึ้นไป ซึ่งในหนึ่งปีจะสามารถเก็บผลผลิตจากต้นเดิมได้แค่ 3 ครั้ง ถ้ามีการบำรุงดูแลที่ดี สำหรับวิธีการเก็บก็คือการตัดช่อใบจากส่วนยอดของแต่ละกิ่ง โดยนับจากปลายยอดลงมาไม่เกินใบที่ 10 หรือยาวไม่เกิน 6 นิ้ว เมื่อเก็บใบมาได้ก็นำมาผึ่งในร่มจนแห้ง แล้วนำไปบรรจุในภาชนะส่งโรงงาน เพื่อใช้ผลิตเป็นยาเปลาโนทอลในรูปเม็ดสำเร็จ แบบซอง หรือแบบแคปซูลซึ่งแพทย์จะเป็นผู้สั่งจ่าย

*ภาพและข้อมูลจาก https://www.medthai.com/