ข้ามไปยังบทความ
ลักษณะของกาฬพฤกษ์
- ต้นกาฬพฤกษ์ จัดเป็นพรรณไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ มีความสูงได้ถึง 20 เมตร ลักษณะลำต้นคล้ายคลึงกับต้นคูนหรือต้นราชพฤกษ์ เรือนยอดเป็นพุ่มหรือแผ่กว้าง โคนต้นมักมีพูพอน เปลือกต้นเป็นสีน้ำตาลเข้มเกือบดำ แตกเป็นร่องลึก ตามกิ่งอ่อน ใบอ่อน และช่อดอกมีขนนุ่มสีน้ำตาลขึ้นหนาแน่น ยอดอ่อนเป็นสีแดง พรรณไม้ชนิดนี้มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาเขตร้อน และมีเขตการกระจายพันธุ์ในเขตร้อนทั่วไป ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ดหรือการตอนกิ่ง เป็นพรรณไม้ที่มีปลูกกันทั่วไปตามบ้านและวัด ทั่วทุกภาคของประเทศ
- ใบกาฬพฤกษ์ ใบมีขนาดเล็กลักษณะคล้ายใบแคฝรั่งหรือใบขี้เหล็ก โดยเป็นใบประกอบแบบขนนกปลายคู่ เรียงสลับ แกนกลางใบประกอบยาวได้ประมาณ 15-30 เซนติเมตร ก้านใบประกอบยาวประมาณ 2-3 เซนติเมตร มีใบย่อยประมาณ 10-20 คู่ เรียงจากเล็กไปหาใหญ่ ลักษณะของใบย่อยเป็นรูปรีแกมรูปขอบขนาน ปลายใบมนมีติ่งหรือหยักเว้าเล็กน้อย โคนใบเบี้ยว มีขนาดกว้างประมาณ 1-2 เซนติเมตร และยาวประมาณ 3-5 เซนติเมตร แผ่นใบบางเรียบ แผ่นใบด้านบนเกลี้ยงเป็นมันหรือมีขนประปราย ส่วนด้านล่างมีขนขึ้นหนาแน่น ใบอ่อนหรือยอดอ่อนเป็นสีแดง
- ดอกกาฬพฤกษ์ ออกดอกเป็นช่อ ช่อดอกเป็นแบบช่อกระจะ ออกตามกิ่งพร้อมกับผลิใบอ่อน ยาวประมาณ 10-20 เซนติเมตร ก้านดอกยาวประมาณ 1-2 เซนติเมตร ใบประดับเป็นรูปไข่ ปลายแหลม มีขนาดกว้างประมาณ 3 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 5 มิลลิเมตร ร่วงได้ง่าย ดอกมีลักษณะคล้ายดอกต้นเชอร์รี่และมีกลิ่นหอม ดอกกลีบเลี้ยงมี 5 กลีบ ลักษณะเป็นรูปไข่กลับถึงค่อนข้างกลม มีขนาดกว้างประมาณ 5 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 5-8 มิลลิเมตร มีขนนุ่ม ส่วนกลีบดอกมี 5 กลีบ เมื่อเริ่มบานจะเป็นสีแดงคล้ำแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีชมพูอมส้มตามลำดับ ลักษณะเป็นรูปไข่กลับ มีขนาดกว้างประมาณ 8-10 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 1.2-1.5 เซนติเมตร ดอกมีเกสรเพศผู้ 10 อัน มีขนาดยาวไม่เท่ากัน แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกจะมี 3 อัน ก้านชูอับเรณูยาวประมาณ 3 เซนติเมตร กลุ่มที่ 2 มี 5 อัน ก้านชูอับเรณูจะสั้น ส่วนกลุ่มที่ 3 จะมี 2 อัน ก้านชูอับเรณูสั้นมากและอับเรณูจะฝ่อ รังไข่มีลักษณะเรียวโค้ง มีขนหนานุ่ม เกสรดอกเป็นสีเหลือง ออกดอกในช่วงประมาณเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมีนาคม
- ผลกาฬพฤกษ์ ผลมีลักษณะเป็นฝักค่อนข้างกลม เป็นแท่งหรือรูปทรงกระบอกยาว โคนและปลายสอบ เปลือกฝักหนาแข็งเป็นสีค่อนข้างดำ ผิวขรุขระ มีรอยแตก ฝักมีขนาดกว้างประมาณ 3-4 เซนติเมตร และยาวประมาณ 20-40 เซนติเมตร ที่ขอบฝักเป็นสันตามแนวยาวทั้งสองข้าง ผิวฝักมีรอยแตก ฝักแก่จะแห้งแล้วไม่แตก เนื้อในของฝักเป็นสีขาวและแห้ง จะซ้อนกันเป็นชั้น ๆ ภายในฝักมีเมล็ดประมาณ 20-40 เมล็ด
- เมล็ดกาฬพฤกษ์ เมล็ดมีลักษณะเป็นรูปรี รูปไข่ ถึงรูปขอบขนาน เมล็ดอ่อนเป็นสีครีม ส่วนเมล็ดแก่เป็นสีน้ำตาล มีขนาดกว้างประมาณ 1 เซนติเมตร และยาวประมาณ 1.5-1.8 เซนติเมตร
สรรพคุณของกาฬพฤกษ์
- เนื้อในฝักใช้เป็นยาแก้พิษไข้ (เนื้อในฝัก)
- เปลือกและเมล็ด ใช้รับประทานเป็นยาทำให้อาเจียน และเป็นยาถ่ายพิษไข้ได้ดี (เปลือก, เมล็ด)
- เนื้อในฝักใช้ปรุงรับประทานเป็นยาระบายอ่อน ๆ ระบายอุจจาระธาตุ แก้พรรดึกไม่ไซ้ท้อง และระบายท้องเด็กได้ดีมาก โดยสามารถรับประทานได้ถึงครั้งละ 8 กรัม
ประโยชน์ของกาฬพฤกษ์
- คนสมัยก่อนจะใช้เนื้อในฝักกินกับหมาก
- เนื้อไม้และเปลือกมีสารฝาด สามารถนำมาใช้ในการฟอกหนังได้
- นิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับทั่วไป และจัดเป็นพันธุ์ไม้พระราชทานเพื่อปลูกเป็นมงคลแก่จังหวัดบุรีรัมย์