ลักษณะของจิกทะเล
- ต้นจิกทะเล จัดเป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ไม่ผลัดใบ มีความสูงได้ประมาณ 7-20 เมตร แตกกิ่งก้านสาขาออกที่เรือนยอดของลำต้น เรือนยอดเป็นพุ่มกลมทึบแตกกิ่งต่ำ ซึ่งเป็นกิ่งที่มีขนาดใหญ่จะมีรอยแผลอยู่ทั่วไป ซึ่งเป็นรอยแผลที่เกิดจากใบที่ร่วงหล่นไป เปลือกต้นเป็นสีน้ำตาลตาลหรือเทา แตกเป็นร่องตามแนวยาวและมีช่องระบายอากาศด้วย ส่วนเนื้อไม้เป็นสีขาวหรือสีเหลืองอ่อน ๆ เป็นพรรณไม้กลางแจ้งที่ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด หรือแพร่พันธุ์โดยที่ผลลอยไปตามน้ำ มีอัตราการเจริญเติบโตปานกลางถึงเร็ว ขึ้นได้ในดินทั่วไป ชอบความชื้นปานกลาง และแสงแดดแบบเต็มวัน มีเขตการกระจายพันธุ์กว้าง พบได้ตั้งแต่มาดากัสการ์ อินเดีย ศรีลังกา ไต้หวัน ญี่ปุ่น ภูมิภาคมาเลเซียรวมถึงฟิลิปปินส์ หมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก ไปจนถึงทางภาคเหนือของออสเตรเลีย และในหมู่เกาะโพลีนีเซีย ส่วนในประเทศไทยพบขึ้นมากตามป่าชายหาดของฝั่งทะเลและตามเกาะที่ยังไม่ถูกรบกวนทางภาคใต้
- ใบจิกทะเล ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงเวียนสลับกันไปตามข้อต้น ลักษณะของใบเป็นรูปมนรี รูปไข่กลับ หรือรูปไข่แกมรูปขอบขนาน ปลายใบมนเว้า โคนใบสอบเข้าหาก้านใบ ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 10-18 เซนติเมตร และยาวประมาณ 20-38 เซนติเมตร แผ่นใบเป็นสีเขียว เนื้อใบหนาเกลี้ยงเป็นมันวาวด้านบน เส้นแขนงใบมีข้างละ 12-14 เส้น นูนทั้งสองด้าน ก้านไม่มีหรือก้านใบสั้น ยาวได้ประมาณ 5 มิลลิเมตร
- ดอกจิกทะเล ออกดอกเป็นช่อแบบช่อกระจะตามส่วนยอดของลำต้น ตั้งตรง ช่อหนึ่งจะมีดอกอยู่ประมาณ 7-8 ดอก ช่อดอกยาวประมาณ 2-15 เซนติเมตร แกนช่อหนา ดอกเป็นสีขาวและมีกลิ่นหอม เกล็ดหุ้มยอดเป็นรูปไข่ ยาวประมาณ 1.5-3 เซนติเมตร มีใบประดับเป็นรูปไข่ ยาวประมาณ 0.8-1.5 เซนติเมตร ใบประดับย่อยมีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยม ยาวประมาณ 5 มิลลิเมตร ก้านดอกย่อยยาวประมาณ 2-3 เซนติเมตร ฐานรองดอกเป็นรูปกรวยสั้น ๆ ยาวประมาณ 1-1.5 เซนติเมตร กลีบเลี้ยงติดกันตาดอก บานแยกออกเป็น 2 ส่วนไม่เท่ากัน ลักษณะเป็นรูปรี ติดทน ยาวได้ประมาณ 2.5-3.5 เซนติเมตร ปลายเป็นติ่ง ยาวประมาณ 2 มิลลิเมตร ส่วนกลีบดอกเป็นสีขาวอมชมพูมี 4 กลีบ ติดที่โคนหลอดเกสรเพศผู้ กลีบเป็นรูปรี ปลายกลีบมน ขอบมักม้วนเข้า ยาวประมาณ 4.5-6.5 เซนติเมตร ดอกมีเกสรเพศผู้จำนวนมาก สีแดง สีชมพู หรือสีม่วง เรียงเป็น 6 วง ยาวได้ประมาณ 9.5 เซนติเมตร วงในเป็นหมัน ยาวประมาณ 2-3.5 เซนติเมตร โคนก้านเกสรติดกันเป็นหลอด ยาวได้ประมาณ 1.5 เซนติเมตร จานฐานดอกเป็นวง ขอบหยักมน สูงได้ประมาณ 1 มิลลิเมตร มีรังไข่อยู่ใต้วงกลีบ มี 4 ช่อง ในแต่ละช่องมีออวุลประมาณ 2-6 เม็ด ก้านเกสรเพศเมียเป็นรูปแถบ ยาวได้ประมาณ 10-11 เซนติเมตร ยอดเกสรเป็นตุ่มมน ๆ ขนาดเล็ก เมื่อดอกบานเต็มที่จะมีขนาดกว้างประมาณ 10-12 เซนติเมตร ดอกจะบานในช่วงเวลากลางคืน และจะโรยในช่วงเวลากลางวัน โดยจะออกดอกในช่วงประมาณเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคม
- ผลจิกทะเล ผลเป็นผลแห้งไม่แตก ลักษณะของผลเป็นรูปพีระมิดสี่เหลี่ยม ตรงโคนผลจะเว้า ผลเป็นสีเขียวและเป็นมัน ผลเมื่อโตจะมีขนาดกว้างประมาณ 8.5-10 เซนติเมตร และยาวประมาณ 8.5-11 เซนติเมตร ผนังผลเป็นเส้นใยมีกากเหนียวหุ้มหนาคล้ายฟองน้ำ ทำให้ลอยน้ำได้คล้ายผลมะพร้าว ส่วนผนังผลด้านในแข็ง ภายในผลมีเมล็ด 1 เมล็ด เมล็ดมีลักษณะเป็นรูปขอบขนาน ยาวประมาณ 4-5 เซนติเมตร (เมล็ดจิกทะเลมี fixed oil ได้แก่ olein, palmitin, glycoside barringtonin 3.27%, baringronin, hydrocyanic acid, saponin)
สรรพคุณของจิกทะเล
- ใบ ผล และเปลือก ใช้เป็นยารักษาบรรเทาอาการปวดศีรษะ (ใบ, เปลือก, ผล)
- เปลือกผลหรือเนื้อของผล เป็นยาเสพติดชนิดหนึ่งที่ช่วยให้คนที่นอนไม่หลับนอนหลับได้ ถ้ารับประทานเข้าไปมาก ๆ จะทำให้นอนหลับสบาย (เปลือกผล, เนื้อผล)
- เมล็ดใช้เป็นยาขับพยาธิออกจากร่างกาย (เมล็ด)
ประโยชน์ของจิกทะเล
- ต้นจิกทะเลมีทรงพุ่มใบเป็นมันสวยงาม ดอกมีกลิ่นหอม ใช้ปลูกเพื่อปรับภูมิทัศน์ ปลูกให้ร่มเงาได้ โดยนิยมนำมาปลูกในพื้นที่กว้าง เช่น สวนสาธารณะ ปลูกเป็นกลุ่ม ปลูกเป็นฉากหลัง ปลูกตามริมทะเล ทนน้ำท่วมได้ดี
- เปลือกผลหรือเนื้อของผลใช้เป็นยาเบื่อปลาได้
- บางท้องถิ่นจะนำผลแห้งของจิกทะเลมาจุดเป็นยาไล่ยุง
ภาพและข้อมูลจาก https://www.medthai.com