ลักษณะ
ไม้ชิงชันจัดเป็นไม้ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูงถึง 25 เมตร เปลือกหนามีสีน้ำตาลเทา กะเทาะล่อนเป็นแว่นหรือแผ่นขนาดเล็ก เปลือกในสีเหลือง เนื้อไม้สีน้ำตาลอ่อนอมเหลือง แก่นสีม่วง ถึงน้ำตาลอมม่วงมีเส้นแทรกดำและมีเสี้ยนสน ยอดอ่อน ใบอ่อนออกสีแดงเกลี้ยง หรือมีขนเบาบาง ใบเป็นช่อ ก้านช่อยาว 5-30 เซนติเมตร ส่วนมากจะมีใบประกอบย่อย 11-17 ใบ เมื่อยังเล็ก จะมีลักษณะค่อนข้างกลมและมีลักษณะยาวรีหรือเรียวเป็นรูปขอบขนานแกมรูปหอก เมื่อต้นไม้มีอายุมากขึ้น ใบกว้าง 1-4 เซนติเมตร ยาว 4-8 เซนติเมตร ฐานใบกลมหรือเป็นรูปลิ่มกว้างๆ ปลายใบมนทู่หรือ ยักเว้าเล็กน้อยทางกด้านท้องใบจะมีสีจางกว่าหลังใบ ดอกมีสีขาวอมม่วง เกิดบนช่อดอกเชิงประกอบตามปลายกิ่ง ดอกจะเกิดพร้อมกับการผลิใบใหม่ในราวเดือน มีนาคม-พฤษภาคม เกสรผู้แยกออกเป็นสองกลุ่มๆ ละ 5 อัน ฝักมีลักษณะยาวรี หรือรูปขอบขนาน กว้าง 3-3.5 เซนติเมตร นาว 8-17 เซนติเมตร ส่วนที่หุ้มเมล็ดหนาแข็ง มีลักษณะเป็นกระเปาะผิวเรียบบางไม่เห็นเส้นแขนง ตัวของกระเปาะกลมหรือแกรมรีเล็กน้อยนูนเด่นออกมาเห็นได้ชัด รอบๆ กระเปาะจะมีลักษณะคล้ายปีกแผ่กว้างออกไปเห็นได้ชัด ฝักจะแก่ประมาณสองเดือนหลังจากออกดอก เมล็ด ส่วนมากจะมีเมล็ดเดียวแต่อาจพบบ้างที่มีจำนวน 2-3 เมล็ด เมล็ดมีลักษณะ คล้ายรูปไตสีน้ำตาล กว้าง 0.6 เซนติเมตร ยาง 1 เซนติเมตร ระบบราก เท่าที่มีการศึกษาระบบรากของกล้าไม้พบว่าจะมีรากแก้วยาวมาก มีรากฝอยที่เกิดจากรากแขนงจำนวนปานกลาง และมักจะพบปมรากถั่วเกิดอยู่เสมอ
การกระจายพันธุ์ตามธรรมชาติ
พบขึ้นอยู่ในประเทศพม่า, ลาว และไทยกระจายทั่วไปในป่าเบญจพรรณ ที่มีสภาพแห้งแล้ง มักพบเกิดอยู่ร่วมกับไม้สักและไม้ไผ่และบ่อยครั้งก็พบในป่าเต็งรังที่เป็นดินลูกรัง ที่พบในประเทศไทย มีขึ้นอยู่ทุกภาค ยกเว้นภาคใต้
ปัจจัยสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม
ถิ่นกำเนิดตามธรรมชาติของไม้ชนิดนี้พบว่า จะขึ้นอยู่ในที่ ที่มีอุณหภูมิใต้ร่มไม้สูงสุดระหว่าง 40° C ถึง 43° C และอุณหภูมิต่ำสุดระหว่าง 4.4° C ถึง 7.2° C มีปริมาณน้ำฝนในระหว่าง 875-2,000 มม. เกิดในบริเวณพื้นดินที่มีการระบายน้ำดี ทั้งในพื้นที่ที่มีความสูงใกล้ระดับน้ำทะเลจนถึง 500 เมตร จากน้ำทะเล