ลักษณะของเล็บมือนาง
- ต้นเล็บมือนาง มีถิ่นกำเนิดในเอเชียเขตร้อนทั่วไป โดยจัดเป็นไม้เถาเลื้อยเนื้อแข็งขนาดกลาง เลื้อยพาดพันไปกับต้นไม้อื่น ยาวได้ประมาณ 5-7 เมตร และอาจเลื้อยไปได้ไกลมากกว่า 10 เมตร แตกกิ่งก้านสาขาเป็นพุ่มหนาทึบ เถาอ่อนเป็นสีเขียว ตามลำต้นและเถาอ่อนมีขนสีเหลือหรือสีน้ำตาลอมเทาปกคลุมอยู่ แต่ต้นแก่ผิวจะเกลี้ยง โดยเถาแก่เปลือกลำต้นเป็นสีน้ำตาลปนแดง เปลือกค่อนข้างเรียบ หรือมีหนามเล็กน้อย ต้องหาหลักยึดหรือร้านให้ลำเถามีที่เกาะยึด ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด การตอนกิ่ง หรือเอาเง้าไปปลูกก็ได้ แต่ต้องฝักให้ลึกประมาณ 4 นิ้ว เป็นพรรณไม้กลางแจ้ง ชอบแสงแดดแบบเต็มวัน ต้องการน้ำและความชื้นปานกลาง เจริญเติบโตได้ดีในดินปนทรายหรือดินร่วนปนทรายที่ระบายน้ำดี เติบโตได้เร็ว และจะเลื้อยขึ้นเป็นพุ่มตามร้านที่เตรียมไว้ให้
- ใบเล็บมือนาง ใบเป็นใบเดี่ยว ออกตรงข้ามกันเป็นคู่ ๆ ลักษณะของใบเป็นรูปมนแกมขอบขนานหรือเป็นรูปใบหอก ปลายใบแหลมหรือมนและมีติ่งแหลม โคนใบจักเว้าเข้าเล็กน้อย ส่วนขอบใบเรียบหรือเป็นคลื่น ใบมีขนาดกว้างประมาณ 10-12 เซนติเมตร และยาวประมาณ 14-18 เซนติเมตร แผ่นใบเป็นสีเขียว เนื้อบาง ท้องใบมีขนปกคลุมเป็นจำนวนมาก ใบอ่อนเป็นสีเขียวอมแดง เนื้อใบบางค่อนข้างเหนียว ก้านใบยาวประมาณ 1 เซนติเมตร
- ดอกเล็บมือนาง ออกดอกเป็นช่อตามซอกใบและที่ปลายกิ่งหรือยอดของลำต้น ในช่อหนึ่งจะมีดอกประมาณ 10-20 ดอก กลีบเลี้ยงเป็นหลอดยาวสีเขียว โดยมีความยาวประมาณ 3-4 นิ้ว กลีบเลี้ยงเชื่อมติดกันเป็นหลอดเล็ก ปลายแหลม มี 5 กลีบ โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นรูปหลอดรูปทรงกระบอกยาว ส่วนปลายแยกเป็น 5 กลีบ เมื่อดอกบานจะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 3-4 เซนติเมตร มีทั้งดอกลาและดอกซ้อน โดยช่อดอกเมื่อเริ่มบานจะเป็นสีขาวหรือสีชมพูอ่อน เมื่อดอกบานเต็มที่แล้วจะเปลี่ยนเป็นสีชมพูเข้ม โดยดอกย่อยจะค่อย ๆ ทยอยบาน และเมื่อใกล้โรยจะเปลี่ยนเป็นสีแดง ดอกมีกลิ่นหอมแรง โดยเฉพาะในตอนค่ำ และโคนกลีบดอกมีใบประดับ หลอดของดอกจะโค้งเล็กน้อย และมีเกสรยาวยื่นออกมาจากกลางดอก เกสรเพศผู้มี 10 อัน และเกสรเพศเมีย 1 อัน ออกดอกในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายน
- ผลเล็บมือนาง ผลเป็นผลแห้งและแข็ง ลักษณะของผลเป็นรูปกระสวย มีสัน 5 สันตามยาว ผลมีขนาดโตประมาณ 0.5 นิ้ว และยาวประมาณ 1.5 นิ้ว ผลสุกเป็นสีน้ำตาลอมสีดำ ภายในผลมีเมล็ด 1 เมล็ด
สรรพคุณของเล็บมือนาง
- รากและใบมีรสเมาเบื่อ เป็นยาสุขุม ส่วนเมล็ดมีรสชุ่มเป็นยาร้อน สรรพคุณเป็นยาบำรุงธาตุ (ราก,ใบ,เมล็ด)
- ช่วยทำให้เจริญอาหาร (ราก,ใบ)
- ทั้งต้นมีสรรพคุณช่วยแก้ตานขโมยพุงโร (ทั้งต้น) หรือจะใช้รากผสมกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆ จะมีสรรพคุณเป็นยาแก้ตานขโมย แก้เด็กเป็นซาง แก้ซางแห้ง แก้ธาตุวิปริต แก้อุจจาระพิการ แก้ตับทรุด และช่วยทำให้เจริญอาหาร (ราก)
- รากและใบใช้เป็นยาแก้ตานซางในเด็ก (ราก,ใบ) ส่วนเมล็ดเป็นยาแก้ตานซาง ตานขโมยในเด็ก (เมล็ด)
- ใบหากนำไปผสมกับสมุนไพรชนิดอื่น จะเป็นยาแก้ตัวร้อน และแก้อาการปวดศีรษะ (ใบ)
- ใบใช้ตำพอกแก้อาการปวดศีรษะ (ใบ)
- ช่วยแก้อาการวิงเวียนศีรษะ (เมล็ด)
- ใช้เป็นยาแก้ไข้ (ใบ, เมล็ด)
- ช่วยแก้อาการไอ (ต้น,ราก,ใบ,ทั้งต้น)
- ผลใช้รับประทานแล้วจะทำให้สะอึก (ผล)
- ช่วยแก้อาการสะอึก (ราก,ใบ)
- ช่วยในการย่อยอาหาร (เมล็ด)
- รากมีสรรพคุณเป็นยาระบาย (ราก)[1] ส่วนเมล็ดเป็นยาถ่าย (เมล็ด)
- ใช้เป็นยาแก้ท้องอืดเฟ้อ (ใบ, เมล็ด)
- ดอกแห้งใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ท้องเสีย (ดอก)
- น้ำต้มเมล็ดมีสรรพคุณเป็นยาแก้อหิวาตกโรค (เมล็ด)
- ช่วยแก้ถ่ายปวดบิด แก้อาการปวดท้องเนื่องจากมีพยาธิอยู่ภายใน (เมล็ด)
- ช่วยขับพยาธิและตานทราง (ทั้งต้น)
- เมล็ดมีรสชุ่ม เป็นยาร้อน มีพิษเล็กน้อย ออกฤทธิ์ต่อม้าม กระเพาะ และลำไส้ ใช้เป็นยาถ่ายพยาธิ ขับพยาธิไส้เดือน หากเป็นเด็กให้ใช้ 2-3 เม็ด ถ้าเป็นผู้ใหญ่ให้ใช้ครั้งละ 5-7 เม็ด นำมาทุบให้แตกแล้วต้มกับน้ำดื่ม หรือนำมาป่นให้เป็นผงผสมกับน้ำผึ้ง แล้วปั้นเป็นยาลูกกลอน หรือใช้ทอดกับไข่กินก็ได้ ส่วนรากและผลมีสรรพคุณเป็นยาถ่ายพยาธิ ขับพยาธิไส้เดือนเช่นกัน (สารที่มีฤทธิ์ขับพยาธิได้ แก่ กรดอะมิโน Quisqualic acid) (ราก,ผล,เมล็ด)ส่วนอีกข้อมูลระบุว่ารากและใบมีรสเมาเบื่อและเป็นยาสุขุม ใช้เป็นยาถ่ายพยาธิตัวกลมและพยาธิเส้นด้ายได้ดี (ราก,ใบ)
- รากและผลมีสรรพคุณเป็นยาแก้อุจจาระเป็นฟอง เหม็นคาวในเด็ก (ราก,ผล)
- ช่วยแก้อาการตกขาวของสตรี (เมล็ด)
- เมล็ดนำมาแช่ในน้ำมัน ใช้เป็นยารักษาโรคผิวหนัง และแผลฝี (เมล็ด)
- ใบใช้ตำพอกแก้บาดแผล เป็นยาสมาน หรือใช้ทาแก้แผลฝี แก้อักเสบ (ใบ)
- ถ้านำใบไปผสมกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆ จะมีสรรพคุณเป็นยาถอนพิษ แก้สารพัด แก้กาฬ แก้พิษสำแดงของแสลง (ใบ)
- ส่วนสรรพคุณของเล็บมือนางตามตำราการแพทย์แผนจีนระบุว่า ผลสุกมีรสหวานเล็กน้อย มีฤทธิ์เป็นยาฆ่าพยาธิและช่วยในการย่อยอาหารให้ดีขึ้น สามารถใช้เป็นยาถ่ายพยาธิไส้เดือนและพยาธิเส้นด้ายได้ ส่วนเนื้อผลก็มีสรรพคุณเหมือนกัน โดยทั่วไปจะนำมาใช้ในรูปแบบของยาตุ้ม หรือจะนำเนื้อผลมาผัด ก็จะมีสรรพคุณช่วยลดอาการข้างเคียงที่เกิดจากการหดเกร็งของกล้ามเนื้อกระบังลมได้ และยังช่วยให้การย่อยอาหารดีขึ้น ฆ่าพยาธิ และทำให้ม้ามแข็งแรง (ส่วนใหญ่จะใช้รักษาอาการปวดท้องอันเนื่องมาจากพยาธิไส้เดือนหรือพยาธิเส้นด้ายในเด็ก) โดยให้ใช้ผลครั้งละ 9-12 กรัม นำมาต้มกับน้ำดื่ม หรือใช้เนื้อผล 6-9 กรัม ทำเป็นยาลูกกลอนหรือยาผงรับประทานครั้งเดียวหรือสองครั้ง (ผล)
หมายเหตุ : วิธีใช้ตาม [4] ถ้าเป็นเมล็ด สำหรับผู้ใหญ่ให้ใช้เมล็ดแห้งครั้งละ 10-15 กรัม (ประมาณ 5-7 เมล็ด) ส่วนรากให้ใช้รากแห้งครั้งละ 6-10 กรัม และใบให้ใช้ใบสดครั้งละ 35-70 กรัม นำมาต้มกับน้ำรับประทาน หรือใช้เข้าตำรายาอื่นตามต้องการ
ประโยชน์ของเล็บมือนาง
- ใบอ่อนสามารถนำมารับประทานได้ นิยมรับประทานในอินโดนีเซีย ใช้ได้ทั้งดิบและสุกด้วยการต้ม นึ่ง ลวก ใช้รับประทานร่วมกับน้ำพริก โดยคุณค่าทางโภชนาการของใบเล็บมือนาง ต่อ 100 กรัม ประกอบไปด้วย พลังงาน 76 แคลอรี่, ความชื้น 76.4%, โปรตีน 4.8 กรัม, ไขมัน 0 กรัม, คาร์โบไฮเดรต 18.1 กรัม, ใยอาหาร 2 กรัม, วิตามินเอ 11,180 หน่วยสากล, วิตามินบี1 0.04 มิลลิกรัม, วิตามินซี 70 มิลลิกรัม, แคลเซียม 104 มิลลิกรัม, และฟอสฟอรัส 97 มิลลิกรัม
- สามารถนำมาใช้ปลูกเป็นไม้ประดับซุ้ม ปลูกเป็นซุ้มตามประตู ตามรั้ว หรือขึ้นร้านเป็นหลังคาที่นั่งผักผ่อน หรือปลูกตามริมถนน หรือริมทางเดิน เป็นไม้โตเร็ว ปลูกง่าย มีดอกสวยงาม ให้กลิ่นหอมเย็น (โดยเฉพาะในตอนค่ำ) หรือจะนำมาปลูกริมทะเลก็ได้ เพราะทนน้ำท่วมขัง ทนสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ได้ดี