ลักษณะของสนสามใบ
- ต้นสนสามใบ จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ มีความสูงของต้นประมาณ 10-30 เมตร วัดรอบได้ประมาณ 30-40 เมตร ลำต้นเปลาตรง เรือนยอดแตกออกเป็นพุ่มกลม เปลือกต้นแตกล่อนเป็นสะเก็ดตื้น ๆ รูปตาข่าย เปลือกต้นเป็นสีน้ำตาลแกมสีชมพู ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วน หรือดินร่วนปนทราย มีถิ่นกำเนิดในประเทศพม่า และมีเขตการกระจายพันธุ์ในอินเดียจนถึงอินโดนีเซีย พม่า มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ มักพบขึ้นเป็นกลุ่ม ๆ บนเขาหรือตามเนินเขา ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 1,000-1,600 เมตร ในประเทศไทยพบขึ้นได้เป็นกลุ่ม ๆ ทางภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตามป่าสนเขาที่ความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 800-1,600 เมตร
- ใบสนสามใบ ใบมีขนาดเล็กยาวเรียว ออกเป็นกระจุก กระจุกละ 3 ใบ ลักษณะเป็นรูปเข็ม เรียงสลับ มีความยาวประมาณ 10-25 เซนติเมตร ส่วนขอบใบหยักเป็นฟันเลื่อยละเอียด
- ดอกสนสามใบ ออกดอกเป็นช่อ ดอกเพศผู้ออกเป็นช่อสีเหลืองแบบหางกระรอก โดยจะออกใกล้ ๆ กับปลายกิ่ง ช่อหนึ่งยาวได้ประมาณ 2-4 เซนติเมตร ส่วนดอกเพศเมียออกดอกเดี่ยวหรืออย่างมากจะออกไม่เกิน 3 ดอก โดยจะออกตามกิ่ง ออกดอกในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมกราคม
- ผลสนสามใบ ผลเป็นโคน มีลักษณะเป็นก้อนแข็ง โคนป้อมปลายสอบ มีขนาดกว้างประมาณ 5-8 เซนติเมตร ผลเมื่อแก่จะแยกออกเป็นกลีบแข็ง แต่บริเวณโคนกลีบยังคงติดอยู่กับแกนกลางของผล ภายในมีเมล็ดรูปรีมีครีบบาง ๆ ซึ่งยาวกว่าเมล็ดสี่เท่า ส่วนก้านผลยาวได้ประมาณ 0.5 เซนติเมตร โดยจะติดผลในช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนมีนาคม
สรรพคุณของสนสามใบ
- ชาวเขาเผ่าแม้วจะใช้แก่นต้นสนสามใบ ผสมกับก้านและใบขี้เหล็กอเมริกา, ใบคว่ำตายหงายเป็น, และใบสับปะรด ยำมาต้มอบไอน้ำ เป็นยาบำรุงกำลังสำหรับคนติดฝิ่น (แก่น)
- แก่นมีสรรพคุณเป็นยาระงับประสาท แก่ฟุ้งซ่าน (แก่น)
- ใช้เป็นยาปิดธาตุ (ชันสน)
- ช่วยแก้อาการอ่อนเพลีย (แก่น)
- แก่นใช้ต้มหรือฝนกินเป็นยาแก้ไข้ (แก่น)
- กระพี้มีรสขมเผ็ดมัน ใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ไข้สันนิบาต (กระพี้)
- ช่วยแก้เสมหะ (แก่น)
- ช่วยแก้คลื่นเหียนอาเจียน (แก่น)
- ตำรายาพื้นบ้านล้านนาจะใช้แก่นต้นสนสามใบเป็นยาแก้เหงือกบวม (แก่น)
- ช่วยกระจายลม (แก่น)
- ตำรายาไทยจะใช้แก่นนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้บิด แก้ท้องร่วง ท้องเดิน ปวดท้อง (แก่น)
- ชันสนใช้เป็นยาแก้บิด (ชันสน)
- น้ำมันสนใช้หยดลงในน้ำร้อนประคบท้องแก้ท้องบวม แก้ลำไส้พิการ และช่วยแก้มดลูกอักเสบ (น้ำมันสน)
- ใบและเปลือกใช้ต้มกับน้ำเป็นยาแก้ผดผื่นคันตามผิวหนังตามร่างกาย (ใบ,เปลือก)
- ตำรายาพื้นบ้านล้านนาจะใช้แก่นเป็นยารักษาโรคทางเดินปัสสาวะ (แก่น)
- ยางสนมีสรรพคุณเป็นยาสมานแผล (ยาง)
- น้ำมันสนมีรสเผ็ดร้อน ใช้เป็นยาทาแก้เคล็ดขัดยอก อักเสบบวม (น้ำมันสน)
- แก่นมีสรรพคุณเป็นยาบำรุงไขกระดูกและไขข้อ (แก่น)
- ยางสน ใช้ผสมยาทาถูนวดแก้ปวดเมื่อย (ยาง)
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของสนสามใบ
- สารสกัดจากกิ่งสนสามใบ มีสารออกฤทธิ์ทำลายเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาว โดยมีศักยภาพทำให้เซลล์มะเร็งค่อย ๆ สลายตัวไปจากการทำลายตัวเองจากภายใน ซึ่งกระบวนการนี้จะเป็นผลดีอย่างมากต่อการรักษาโรคมะเร็ง เนื่องจากมีเพียงเซลล์มะเร็งเท่านั้นที่ตายลงไป และไม่มีผลต่อการทำลายเซลล์ปกติที่อยู่ข้างเคียง ร่างกายจึงไม่เกิดอาการอักเสบขึ้นและไม่มีผลข้างเคียงจากการใช้ยา (ภญ.รศ.ดร.นาถธิดา วีระปรียากูร หัวหน้าทีมวิจัย) (กิ่ง)
ประโยชน์ของสนสามใบ
- เนื้อไม้ใช้ในงานก่อสร้างที่อาศัยหรือใช้ทำเครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่อยู่ในร่มได้ดี เช่น ตู้ โต๊ะ เตียง ทำฝา พื้น รอด ตง กระดานดำ ไม้บุผนัง เครื่องเรือน เฟอร์นิเจอร์ ลังใส่ของ เครื่องดนตรี เสากระโดงเรือ ใช้ทำเป็นเชื้อเพลิง จุดไฟ ฯลฯ และยังมีคุณสมบัติเหมาะที่จะนำไปใช้เยื่อหรือทำกระดาษได้อีกด้วย
- ส่วนยางนำมากลั่นทำเป็นน้ำมันและชันสน น้ำมันใช้ผสมยาทำการบูรเทียม ทำน้ำมันชักเงา ทำบู่ ใช้ผสมสี
- ชันใช้ผสมกับยารักษาโรค หรือใช้ในกิจการอุตสาหกรรม ทำกาว กระดาษ น้ำมันวานิช และยางสังเคราะห์ หรือใช้ถูคันชักของเครื่องดนตรีบางชนิด เช่น ซออู้ ซอด้วง ไวโอลิน ฯลฯ ใช้ทำน้ำมันชักเงา สีย้อมผ้า ชันที่กลั่นได้จากน้ำมันสนดิบใช้ย้อมสีผ้า ผ้าดอก เป็นต้น
- ใช้ปลูกเป็นไม้ประดับได้ดี เนื่องจากรูปทรงของลำต้นเปลาตรง เป็นพุ่มเรือนยอดที่ดูสวยงาม ใบสดตลอดปี ให้ร่มเงาได้กว้างและไม่ทึบจนเกินไป ส่วนใบที่ร่วงหล่นเหมือนพรมที่ปูรองเท้าได้อย่างดี นอนก็นุ่มสบาย อีกทั้งยังขึ้นเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ เพราะขยายพันธุ์ตามธรรมชาติได้ดี เมื่อถ่ายภาพก็ออกมาดูสวยงาม จึงเป็นที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไป นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในเชิงอนุรักษ์ต้นน้ำลำธารได้อีกด้วย
ภาพและข้อมูลจาก https://www.medthai.com